1. On-Page คือ การพัฒนาหรือปรับแต่งภายในเว็บไซต์ ให้เหมาะสมกับการทำ SEO เช่น การทำลิงก์ภายในเว็บไซต์ (Internal Link) เชื่อมกันไปมาระหว่างหน้าต่าง ๆ ฯลฯ
2. Content คือ การสร้างเนื้อหาและข้อมูลที่เกี่ยวกับธุรกิจอย่างมีคุณภาพ น่าสนใจและตรงกับความต้องการของผู้ค้นหา
3.Off-Page คือ การปรับปรุงปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น การให้เว็บไซต์อื่นที่เกี่ยวข้องทำลิงก์กลับมายังเว็บไซต์ของเรา เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือและทำให้ Search Engine สนใจเว็บไซต์ของเรามากขึ้น
4.Technical คือ การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของเว็บไซต์ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเร็วในการโหลด การใส่ Tag ต่าง ๆ ฯลฯ เพื่อให้เว็บไซต์รองรับการทำ SEO
หากเราทำได้ทั้ง 4 ปัจจัยนี้ ผลลัพธ์ที่จะได้คือ เว็บไซต์ของเราจะติดอยู่หน้าแรกของ Google และเพียงแค่นี้เว็บไซต์ก็จะมียอดเข้าชม (Organic Traffic) เข้ามาแบบถล่มทลาย
1. เพิ่ม Organic Traffic และทำให้เว็บไซต์ของเราติดอยู่ในหน้าแรกของ Google
การทำ SEO จะปรับปรุงโครงสร้างและเนื้อหาของเว็บไซต์ และช่วยให้ติดอันดับสูงขึ้น ซึ่งส่งผลให้ผู้เข้าชมมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในระยะยาว
หากเว็บไซต์ของเราติดอันดับในหน้าแรกด้วย Keyword จำนวนมาก เมื่อลูกค้าค้นหา ก็มีโอกาสเห็นแบรนด์ของเราบ่อยขึ้น และหากเว็บไซต์ของเราอยู่เหนือคู่แข่ง ก็จะยิ่งช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้แบรนด์อีกด้วย
การที่เว็บไซต์ติดอันดับใน Google เปรียบเสมือน On-demand Store ที่เปิดบริการตลอดเวลา ทุกครั้งที่มีคนค้นหาสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้อง เว็บไซต์ของเราก็จะอยู่ตรงนั้นตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เสมอ ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการคลิกเข้าชมและซื้อสินค้าและบริการของเรานั่นเอง
การทำ SEO มีข้อจำกัด คือ ใช้ระยะเวลาการทำค่อนข้างนาน อาจใช้เวลา 3-6 เดือน หรือมากกว่านั้นถึงจะเห็นผล เนื่องจากหลายปัจจัย เช่น ความยาก-ง่ายของ Keyword ที่คุณทำอันดับอยู่ ระยะเวลาในการปรับปรุงเว็บไซต์เพื่อให้ตรงตามความต้องการของผู้เข้าชมและแนวทางที่ Google กำหนดไว้ รวมถึงเว็บไซต์คู่แข่งของคุณต่างก็แย่งชิงกันเพื่อขึ้นมาอยู่อันดับ 1 หรือหน้าแรกของผลการค้นหาเช่นกัน